ข้ามไปเนื้อหา

ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.)

จาก wikishia

ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) (ภาษาอาหรับ: فضائل الإمام علي (ع)) หมายถึง คุณลักษณะต่างๆและลักษณะอันพิเศษของอิมามอะลี (อ.) อิมามคนแรกของบรรดาชีอะฮ์ ซึ่งถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานและริวายะฮ์ต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์ทั้งหลายในหน้าประวัติศาสตร์ ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล) กล่าวว่า ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) นั้น ไม่สามารถที่จะคำนวณนับได้และในบางริวายะฮ์ที่รายงานจากศาสดากล่าวว่า การพูดถึง การเขียน การมองและการรับฟังความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ถือเป็นการอิบาดะฮ์ประเภทหนึ่งและเป็นเหตุให้ความผิดบาปทั้งหลายจะได้รับการอภัยโทษ

ความประเสริฐและความสูงส่งของอิมามอะลี (อ.) ถูกแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มด้วยกัน ดังนี้

ความประเสริฐอันเฉพาะเจาะจงและความประเสริฐที่ร่วมกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) โองการวิลายะฮ์ โองการชิรออ์ โองการอินฟาก ฮะดีษฆอดีร ฮะดีษฏัยร์มัชวี ฮะดีษมันซิลัต และการบริจาคแหวน ถือเป็นความประเสริฐอันเฉพาะเจาะจงสำหรับอิมามอะลี (อ.)

โองการตัฏฮีร โองการอะฮ์ลุซซิกร์ โองการมะวัดดะฮ์ ฮะดีษษะกอลัยน์ ล้วนเป็นความประเสริฐที่ร่วมกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)

ในยุคสมัยราชวงศ์บะนีอุมัยยะฮ์ ได้มีการสั่งห้ามการเผยแพร่ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ในช่วงสมัยนี้ หากผู้ใดก็ตามที่รายงานเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) เขาจะถูกสังหารหรือถูกจับกุม นอกจากนี้ ตามคำสั่งของมุอาวียะฮ์ ในทางตรงกันข้ามกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ผู้ใดก็ตามที่ได้แต่งฮะดีษเกี่ยวกับความประเสริฐเหล่าคอลีฟะฮ์ทั้งสาม เขาจะได้รับการชมเชยและรางวัลตอบแทน ดังนักวิชาการบางคน อาทิเช่น อิบนุตัยมียะฮ์ ผู้นำของพวกซะละฟียะฮ์ และลูกศิษย์ของเขา อิบนุกะษีร ดะมัชกี และอิบนุก็อยยิม ได้บิดเบือนโองการอัลกุรอานและฮะดีษจำนวนหนึ่งที่กล่าวถึงความประเสริฐของอิมามอะลีและถือว่า เป็นการประดิษฐ์ขึ้นมา

แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะพยายามที่จะขัดขวางการเผยแพร่ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) แต่ทว่าในตำราฮะดีษทั้งชีอะฮ์และซุนนี ได้รายงานถึงความประเสริฐอย่างมากมายของอิมามอะลี (อ.) และบรรดานักวิชาการทั้งสองมัซฮับได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) เช่น หนังสือฟะฎออิล อะมีรุลมุอ์มินีน อิบนุฮัมบัล เคาะศออิศ อะมีรุลมุอ์มินีน นิซาอี และอุมดะตุอุยูนิศิฮาฮิลอัคบาร ฟีย์ มะนากิบิอิมามอัลอับรอน อิบนุบิฏรีก เป็นต้น

ความสำคัญและการจัดประเภท

ความหมายของความประเสริฐ หมายถึง คุณลักษณะและคุณสมบัติพิเศษของบุคคลหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความสูงส่งเหนือผู้อื่น (๑) ด้วยเหตุนี้เอง ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) จึงรวมถึงคุณลักษณะต่างๆและคุณสมบัติพิเศษของอิมามอะลี อิมามคนแรกของบรรดาชีอะฮ์ ซึ่งถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน ริวายะฮ์ต่างๆและการรายงานทางประวัติศาสตร์ ในหนังสือด้านหลักศรัทธาของชีอะฮ์ ได้ใช้ประโยชน์จากความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) สำหรับการพิสูจน์ถึงตำแหน่งอิมามะฮ์ และความสูงส่งของเขาสำหรับตำแหน่งคอลีฟะฮ์ (๒) รายงานจากศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า ความประเสริฐของอิมามอะลีนั้นไม่สามารถที่จะคำนวณนับได้ (๓) ชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ยอมรับในประเด็นนี้ ยกตัวอย่างเช่น อะฮ์หมัด บิน ฮัมบัล ผู้นำของสำนักคิดฮัมบะลีย์ รายงานว่า กรณีความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ไม่มีอัศฮาบคนใดของศาสนทูตของอัลลอฮ์ มีความสูงส่งเหมือนกับเขาเลย (๔)

ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ดังนี้

ความประเสริอันเฉพาะเจาะจงกับอิมามอะลี หรือเรียกว่า เคาะศออิศอิมามอะลี หมายถึง ความประเสริฐต่างๆที่มีเฉพาะกับเขา เช่น การนอนบนที่นอนของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในลัยละตุลมะบีต และการประทานลงมาของโองการชิรออ์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ความประเสริฐที่ร่วมกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ หมายถึง ความประเสริฐต่างๆสำหรับบุคคลทั้งห้าคนและบรรดามะอ์ศูม เช่น ฮะดีษษะกอลัยน์ ซึ่งรวมถึงบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)และฮะดีษกิซาอ์ ซึ่งเฉพาะกับบรรดาบุคคลทั้งห้าคน

ตามริวายะฮ์รายงานจากอิบนุชาซาน กุมมี รายงานว่า ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่เขียนความประเสริฐของอิมามอะลี ตราบเท่าที่ผลงานเขียนนั้นยังคงอยู่ มวลเทวทูตจะทำการอภัยโทษให้แก่เขา

นอกเหนือจากนี้ ผู้ใดก็ตามที่ได้รับฟังความประเสริฐของอิมามอะลี บาปต่างๆที่ได้เกิดขึ้นโดยหูของเขาและผู้ใดก็ตามที่ได้มองถึงความประเสริฐของเขา บาปต่างๆที่เกิดขึ้นโดยสายตาของเขา จะได้รับการอภัยโทษ (๕)

ความประเสริฐในอัลกุรอาน

ความประเสริฐในอัลกุรอาน มีโองการจากอัลกุรอานที่กล่าวถึงอิมามอะลี (อ.) หรืออิมามอะลี (อ.) ถูกนำมาใช้เป็นตัวอย่าง มีรายงานจากอิบนุ อับบาส กล่าวว่า จำนวนอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาให้อะลี (อ.) ไม่ได้ถูกประทานให้ผู้ใดเลย (๖) นอกจากนี้ อิบนุ อับบาส ยังได้รายงานจากศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ว่า อัลลอฮ์ จะไม่ทรงประทานโองการใด ที่โองการนั้นกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เว้นแต่ อะลีจะเป็นนายของบรรดาผู้ศรัทธาและผู้นำของพวกเขา [๗] เขายังถือว่า มีโองการอัลกุรอานมากกว่า ๓๐๐ โองการ ถูกประทานเพื่อเป็นการสรรเสริญอะลี (อ.) (๘) ซัยยิดมุรตะฎอ อัสกะรีย์ นักประวัติศาสตร์ของชีอะฮ์ (เสียชีวิต ๑๓๘๖ สุริยคติอิหร่าน) กล่าวว่า เหตุผลที่โองการอัลกุรอานกล่าวถึงความประเสริฐของอะลี(อ.) แต่ไม่มีการกล่าวถึงนามของอะลี เพราะว่า อัลกุรอานได้รับการป้องกันจากการบิดเบือนโดยเหล่าผู้ปกครองที่กดขี่และฉ้อฉล ทั้งยังมีผู้ทีต้องการทำลายมันอีกด้วย เนื่องจากการกล่าวถึงรายละเอียดปลีกย่อยในคัมภีร์โตราห์และไบเบิล เป็นสาเหตุทำให้คัมภีร์เหล่านี้ถูกบิดเบือน (๙) ความประเสริฐบางประการจากอัลกุรอานที่เกี่ยวกับอิมามอะลี (อ.) ซึ่งมีดังนี้ :

โองการวิลายะฮ์ : โองการที่ ๕๕ ของซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ ซึ่งระบุว่า อัลลอฮ์ ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัศฯ) และผู้ดำรงการนมาซและบริจาคซะกาตขณะทำการโค้งคำนับ มีวิลายะฮ์เหนือประชาชน [๑๐] นักตัฟซีรชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ เชื่อว่า การประทานโองการนี้ลงมาในเหตุการณ์ที่อิมามอะลี (อ.) มอบแหวนของเขาให้กับชายยากจน ขณะทำการโค้งคำนับ [๑๑]

โองการชิรออ์ : โองการที่ ๒๐๗ ของซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ ได้ยกย่องบุคคลที่เสียสละชีวิตของตนเพื่อแลกกับการได้รับความพอพระทัยจากอัลลอฮ์ [๑๒] ตามที่อิบนุ อะบีลฮะดีด นักวิชาการมุอ์ตะซิละฮ์ กล่าวว่า นักตัฟซีรทั้งหมดเชื่อว่า โองการนี้ถูกประทานในความสูงส่งของอิมามอะลี (อ.) [๑๓] อัลลามะฮ์ เฏาะบาเฏาะบาอีได้เขียนว่า ตามริวายะฮ์ต่างๆนี้ รายงานว่า โองการนี้ถูกประทานในเหตุการณ์ลัยละตุลมะบีต [๑๔] ในคืนลัยละตุลมะบีต พวกมุชริกตั้งใจที่จะโจมตีบ้านของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในเมืองมักกะฮ์และสังหารเขา ในคืนนี้ อิมามอะลี (อ.) ได้นอนบนเตียงนอนของศาสดาเพื่อปกป้องชีวิตของเขา (๑๕)

โองการตับลีฆ: โองการที่ ๖๗ ของซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ ซึ่งระบุว่า ศาสดาของอิสลาม (ศ็อลฯ) จำเป็นต้องถ่ายทอดสารไปยังประชาชน และหากเขาไม่สามารถถ่ายทอดได้ เขาจะไม่สามารถบรรลุพันธกิจของศาสดาได้ [๑๖] ตามคำกล่าวของนักตัฟซีรชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ระบุว่า โองการตับลีฆถูกประทานลงมา ณ เฆาะดีรคุม หลังจากที่ศาสดามุฮัมมัดกลับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งอำลา [๑๗] ในริวายะฮ์ต่างๆ ระบุว่า สาเหตุการประทานลงมาของโองการตับลีฆ ในเหตุการณ์เฆาะดีรและการประกาศการดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดของอิมามอะลี [๑๘]

โองการอิกมาล: โองการที่ ๓ ของซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์ ซึ่งกล่าวถึงความสมบูรณ์แบบของศาสนาอิสลาม [๑๙] ตามที่นาศิร มะการิม ชีรอซี นักตัฟซีรชีอะฮ์ฮ์ กล่าวว่า ในการตัฟซีรของชีอะฮ์ฮ์ ระบุว่า ความสมบูรณ์แบบของศาสนา หมายถึง การประกาศวิลายะฮ์และการเป็นเคาะลีฟะฮ์ของอิมามอะลี (อ.) เหนือบรรดามุสลิม และยังมีริวายะฮ์ต่างๆยืนยันในเรื่องนี้ [๒๐] บรรดานักวิชาการชีอะฮ์ฮ์ เชื่อว่าโองการอิกมาลถูกประทานลงมาในเหตุการณ์เฆาะดีร [๒๑]

โองการศอดิกีน : โองการที่ ๑๑๙ ของซูเราะฮ์ อัตเตาบะฮ์ ซึ่งมีคำสั่งให้บรรดาผู้ศรัทธาอยู่กับผู้สัจจริงและปฏิบัติตามพวกเขา [๒๒] ในริวายะฮ์ต่างๆของชีอะฮ์ฮ์ ผู้สัจจริงได้รับการอธิบายว่า หมายถึง อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) [๒๓] มุฮักกิก ฏูซี ถือว่า โองการนี้ เป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งในการพิสูจน์ตำแหน่งอิมามัตของอิมามอะลี (อ.) [๒๔]

โองการค็อยรุลบะรียะฮ์ : โองการที่ ๗ ของซูเราะฮ์อัลบัยยินะฮ์ ซึ่งได้แนะนำผู้ที่ศรัทธาและกระทำความดีว่า เป็นการสร้างสรรค์ที่ดีที่สุด [๒๕] ตามรายงานของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ กลุ่มนี้คือ อิมามอะลี (อ.) และชีอะฮ์ฮ์ของเขา [๒๖]

โองการศอลิฮุลมุอ์มินีน : โองการที่ ๔ ของซูเราะฮ์อัต-ตะห์รีม ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งท่านอะลี (อ.) ญิบรีล และบรรดามะลาอิกะฮ์ ให้เป็นผู้สนับสนุนศาสดาของอิสลาม (ศ็อล) ในตำราตัฟซีรโดยอ้างอิงริวายะฮ์ต่างๆจากสองนิกาย [๒๗] ตัวอย่างเดียวของผู้ศรัทธาที่มีความประเสริฐ คือ อิมามอะลี (อ.) [๒๘]

โองการอินฟาก : โองการที่ ๒๗๔ ของซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการนี้ระบุว่า ผลตอบแทนของผู้ที่บริจาคทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งในที่ลับและเปิดเผย อยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา [๒๙] บรรดานักตัฟซีร กล่าวว่า โองการนี้ถูกประทานให้กับท่านอะลี (อ.) ซึ่งเขามีเงินสี่ดิรฮัมและบริจาคหนึ่งดิรฮัมในเวลากลางคืน หนึ่งดิรฮัมในเวลากลางวัน หนึ่งดิรฮัมอย่างลับๆ และหนึ่งดิรฮัมอย่างเปิดเผย [๓๐]

โองการนัจญ์วา : โองการที่ ๑๒ ของซูเราะฮ์อัลมุญาดิละฮ์ ซึ่งได้มีคำสั่งให้บรรดามุสลิม ผู้มั่งคั่ง บริจาคทาน ก่อนจะนัจญ์วา (การสนทนาเป็นการส่วนตัว) กับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [๓๑] เฏาะบัรซี กล่าวว่า นักตัฟซีรชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ส่วนใหญ่ ถือว่า อิมามอะลี (อ.) เป็นคนเดียวที่ปฏิบัติตามโองการนี้ [๓๒] โองการวุด : โองการที่ ๙๖ ของซูเราะฮ์มัรยัม ซึ่งระบุว่า พระเจ้าทรงวางความรักของผู้ศรัทธาไว้ในหัวใจของผู้อื่น [๓๓] ตามบางริวายะฮ์ ระบุว่า ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้ร้องขอให้ท่านอะลี กล่าวว่า: โอ้พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความรักของฉันในหัวใจของผู้ศรัทธา หลังจากคำร้องขอนี้ โองการวุด ก็ถูกประทานลงมา [๓๔]

โองการมุบาฮิละฮ์ : โองการที่ ๖๑ ของซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน ซึ่งได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์มุบาฮิละฮ์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กับชาวคริสเตียนแห่งนัจญ์รอน ตามตำราตัฟซีร ระบุว่า อิมามอะลี (อ.) ได้รับการแนะนำในโองการนี้ ในฐานะเป็นตัวตนของศาสดา (ศ็อลฯ) [๓๕]

โองการตัฏฮีร : ส่วนหนึ่งของโองการที่ ๓๓ ของซูเราะฮ์ อัลอะห์ซาบ ซึ่งกล่าวถึงพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะชำระล้างอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ให้สะอาดบริสุทธิ์จากความสกปรกและมลทินทั้งมวล บรรดานักตัฟซีรชีอะฮ์ฮ์ เชื่อว่า โองการนี้ถูกประทานลงมาให้กับอัศฮาบุลกิซาอ์ [๓๖]

โองการอุลุลอัมร์ : โองการที่ ๕๙ ของซูเราะฮ์ อันนิซาอ์ ซึ่งเป็นคำสั่งให้ผู้ศรัทธาเชื่อฟังอัลลอฮ์ ศาสนทูตของพระองค์ (ศ็อลฯ) และบรรดาผู้ปกครอง [๓๗] บรรดานักตัฟซีรของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ มีความเห็นว่า โองการนี้บ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ปราศจากบาปของบรรดาผู้ปกครอง [๓๘] ในริวายะฮ์ต่างๆ ได้แนะนำว่า ความหมายของอุลุลอัมร์ คือ บรรดาอิมามของชีอะฮ์ฮ์ [๓๙]

โองการมะวัดดะฮ์ : โองการที่ ๒๓ ของซูเราะฮ์ อัชชูรอ ในโองการนี้ มะวัดดะฮ์และความรักจาก อัลกุรบา (เครือญาติ) เป็นสิ่งที่บรรดามุสลิมต้องปฏิบัติเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการเผยแพร่สารของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [๔๐] มีรายงานว่า อิบนุอับบาส กล่าวว่า ศาสดา ถือว่า อัลกุรบา คือ ท่านอะลี ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ท่านฮะซัน และท่านฮุเซน (อ.) [๔๑]

โองการอิฏอาม : โองการนี้ได้แนะนำผู้ที่กระทำความดีว่า เป็นผู้มอบอาหารให้แก่คนยากจน เด็กกำพร้า และเชลยศึก เพื่อแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ว่า ตนเองจะมีความต้องการอาหารนั้นก็ตาม [๔๒] บนพื้นฐานของริวายะฮ์ต่างๆ รายงานว่า โองการนี้ถูกประทานในความเอื้อเฟื้อของอิมามอะลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) [๔๓] ตามฮะดีษต่างๆ ระบุว่า ท่านอะลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้ถือศีลอดเป็นเวลาสามวันเพื่อทำให้อาการป่วยของท่านฮะซันและท่านฮุเซน (อ.) หาย และในทุกๆสามวันเมื่อพวกเขากำลังละศีลอด พวกเขาก็มอบอาหารให้แก่คนยากจน เด็กกำพร้า และเชลยศึก แม้ว่า พวกเขาจะหิวก็ตาม [๔๔]

โองการอะฮ์ลุซซิกร์ : โองการที่ ๔๓ ของซูเราะฮ์ อันนะฮ์ล และโองการที่ ๗ ของซูเราะฮ์ อัลอัมบิยาอ์ ซึ่งเน้นย้ำการตั้งคำถามกับชาวอะฮ์ลุซซิกร์ [๔๕] ตามบางริวายะฮ์ รายงานว่า ชาวอะฮ์ลุซซิกร์ถูกจำกัดอยู่แต่ในบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ของศาสดาเพียงเท่านั้น [๔๖]

โองการนัศร์ : โองการที่ ๖๒ ของซูเราะฮ์ อัลอันฟาล ตามคำกล่าวของอายะตุลลอฮ์ มะการิม ชีรอซี ระบุว่า ผู้ศรัทธาทุกคนที่ช่วยเหลือศาสดา ผู้ทรงเกียรติ (ศ็อลฯ) รวมอยู่ในโองการนี้ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวอย่างที่สมบูรณ์และโดดเด่นที่สุดของผู้ศรัทธาในโองการนี้ คือ อิมามอะลี (อ.) [๔๗] เขาเขียนในหนังสือ โองการวิลายะฮ์ในอัลกุรอาน ว่า โองการนัศร์ เป็นหนึ่งในโองการแห่งความสูงส่งของท่านอะมีรุลมุอ์มินีนอะลี (อ.) [๔๘]

เส้นทางที่เที่ยงตรง: ในริวายะฮ์จำนวนมาก รายงานว่า ท่านอะลี (อ.) และวิลายะฮ์ของเขา ได้รับการแนะนำว่า เป็นเส้นทางที่เที่ยงตรงในอัลกุรอาน [๔๙] ความประเสริฐในริวายะฮ์

ความประเสริฐและความสูงส่งของอิมามอะลี ในริวายะฮ์จากศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่กล่าวเทอดเกียรติหรือยกย่องอิมามอะลี (อ.) โดยฮะดีษบางส่วนเหล่านี้ มีดังนี้ :

ฮะดีษอัลเฆาะดีร : คำเทศนาธรรมของศาสดา ผู้ทรงเกียรติ (ศ็อลฯ) ณ เฆาะดีรคุม ซึ่งเขาได้แนะนำท่านอะลี (อ.) ในฐานะผู้ปกครองของบรรดามุสลิม ฮะดีษนี้มีการรายงานทั้งในทั้งแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๕๐] และถือเป็นหนึ่งในเหตุผลของชีอะฮ์ฮ์เพื่อพิสูจน์การดำรงตำแหน่งอิมามและเคาะลีฟะฮ์ของท่านอะลี (อ.) [๕๑]

ฮะดีษอัลมันซิลัต : เป็นริวายะฮ์ที่กล่าวถึงสถานภาพของอิมามอะลี (อ.) ในความสัมพันธ์กับศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) ซึ่งคล้ายกับสถานภาพของศาสดาฮารูน (อ.) ในความสัมพันธ์กับศาสดามูซา (อ.)[๕๒]

ฮะดีษมะดีนะตุลอิลม์ : เป็นริวายะฮ์ของศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) ซึ่งเขาได้แนะนำตนเองว่า เป็นนครแห่งความรู้และอะลี (อ.) เป็นประตูของมัน (๕๓) ในหนังสืออัลเฆาะดีร ระบุว่า นักวิชาการฮะดีษอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ จำนวน ๒๑ คน ซึ่งถือว่า ฮะดีษนี้เป็นฮะดีษฮะซันหรือเศาะฮีห์ [๕๔]

ฮะดีษเยามุดดาร : เป็นริวายะฮ์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งเขาขอร้องให้เครือญาติของเขาตอบรับคำเชิญชวนของเขา และยังเน้นย้ำถึงคำสั่งเสียและตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ของท่านอะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ (อ.) [๕๕] บรรดานักศาสนศาสตร์ชีอะฮ์ฮ์ได้อ้างอิงฮะดีษนี้เพื่อพิสูจน์ถึงการดำรงตำแหน่งอิมามะฮ์ของท่านอะลี (อ.) [๕๖]

ฮะดีษอัลวะศอยะฮ์: เป็นฮะดีษของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งอิมามอะลี (อ.) ได้รับการแนะนำในฐานะผู้สืบทอดและตัวแทนของศาสดา [๕๗] บรรดาชีอะฮ์ฮ์อ้างอิงฮะดีษนี้เพื่อพิสูจน์ถึงตำแหน่งอิมามะฮ์ของอิมามอะลี (อ.) [๕๘]

ฮะดีษวิลายะฮ์ : เป็นฮะดีษของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งท่านอะลีได้รับการแนะนำในฐานะเป็นวะลีย์(ผู้ปกครอง) ของบรรดาผู้ศรัทธาหลังจากเขา ฮะดีษนี้ถูกรายงานด้วยคำวลีต่างๆ ในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๕๙] บรรดาชีอะฮ์ฮ์ได้ใช้คำว่า วะลีย์ ใน อะลี เป็นวะลีย์ (ผู้ปกครอง)ของผู้ศรัทธาทุกคนหลังจากฉัน [๖๐] หมายถึง อิมามและผู้ปกครอง และด้วยเหตุนี้ จึงสามารถพิสูจน์ถึงตำแหน่งอิมามะฮ์และวิลายะฮ์ของอิมามอะลี (อ.) [๖๑]

ฮะดีษอัฏฏ็อยร์ : เป็นริวายะฮ์ที่เกี่ยวกับความประเสริฐของท่านอะลี (อ.) ซึ่งตามเนื้อหาของฮะดีษแล้ว ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ตั้งใจจะกินเนื้อของนกย่าง จึงขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงแบ่งปันอาหารของเขาให้กับมนุษย์ที่ดีที่สุด และท่านก็ได้กระทำตามนั้น [๖๒] ริวายะฮ์นี้ยังถูกกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อีกด้วย [๖๓]

ฮะดีษอัรรอยะฮ์ : เป็นฮะดีษที่ถูกรู้จักของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เกี่ยวกับอิมามอะลี (อ.) ในสมรภูมิค็อยบัร ซึ่งระบุว่า: วันพรุ่งนี้ฉันจะมอบธงให้กับบุรุษคนหนึ่งที่อัลลอฮ์จะทำให้เขาพิชิตป้อมปราการค็อยบัรผ่านเขา ผู้ที่มีความรักต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ และอัลลอฮ์และศาสนทูตก็รักเขา[๖๔]

ฮะดีษอัษษะเกาะลัยน์ : ฮะดีษที่ถูกรู้จักของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เกี่ยวกับสถานภาพของคัมภีร์อัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ฮะดีษนี้ ระบุว่า: ฉันได้ละทิ้งสิ่งมีค่าสองอย่างไว้ ท่ามกลางพวกท่าน ซึ่งถ้าพวกท่านพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ พวกท่านจะไม่หลงทางเลย นั่นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์และลูกหลานของฉัน ซึ่งเป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน [๖๕] ฮะดีษนี้มีรายงานในทั้งแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๖๖]

ฮะดีษอัลกิซาอ์: ฮะดีษนี้เกี่ยวกับความประเสริฐของบุคคลทั้งห้าคน ตามฮะดีษนี้ซึ่งมีรายงานในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์ [๖๗] และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๖๘] ศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) ได้คลุมครอบครัวของเขา ด้วยผ้าขนสัตว์ (กิซาอ์) และอธิษฐานว่า: “โอ้พระผู้เป็นเจ้า บุคคลเหล่านี้คือ อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ขอพระองค์ทรงขจัดสิ่งสกปรกออกไปจากพวกเขาและชำระล้างพวกเขาให้สะอาดบริสุทธิ์ [๖๙]

ฮะดีษอัซซะฟีนะฮ์ : ฮะดีษที่ถูกรู้จักของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งเขาได้เปรียบเทียบอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ของเขากับสำเภาของศาสดานูฮ์ ซึ่งผู้ใดก็ตามเข้าไปในสำเภานี้ เขาจะได้รับความรอดปลอดภัย และผู้ใดที่ออกจากมัน เขาจะจมน้ำตาย [๗๐] ฮะดีษนี้ยังได้รับการรายงานทั้งจากแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๗๑]

ฮะดีษอัชชะญะเราะฮ์ : ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า ฉันและอะลีถูกสร้างมาจากต้นไม้ต้นเดียวกัน ส่วนบุคคลอื่นๆ มาจากต้นไม้คนละต้นกัน [๗๒] บรรดานักตัฟซีรบางคน ถือว่า การสร้างศาสดา ผู้ทรงเกียรติ (ศ็อลฯ) และอิมามอะลี (อ.) มาจากแหล่งที่มาอันเดียวกัน เป็นเหตุผลที่ว่า พวกเขามีความเท่าเทียมกันในความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามและมีวิลายะฮ์ [๗๓]

ฮะดีษอัลเลาห์ : เป็นฮะดีษที่รายงานจากศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เพื่อพิสูจน์ถึงตำแหน่งอิมามะฮ์ของบรรดาสิบสองอิมาม ซึ่งกล่าวถึงชื่อของผู้สืบทอดของศาสดา (ศ็อลฯ) ตั้งแต่อิมามคนแรก กล่าวคือ อิมามอะลี (อ.) จนถึงอิมามคนที่สิบสอง คือ อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) [๗๔]

ฮะดีษอะลี มะอัลฮัก : เป็นฮะดีษที่ถูกรู้จักของศาสดามุฮัมมัด ฮะดีษนี้ได้แนะนำท่านอะลี (อ.) ในฐานะมาตรวัดแห่งสัจธรรม หนึ่งในรายงานของฮะดีษนี้ มีดังนี้ : อะลีอยู่กับสัจธรรม และสัจธรรมอยู่กับอะลี และทั้งสองจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะพบฉันที่สระน้ำของอัลเกาษัร [๗๕]

ฮะดีษอัตตัชบีฮ์ : เป็นฮะดีษที่ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้เปรียบเทียบท่านอะลี (อ.) กับบรรดาศาสดาท่านอื่นๆ ฮะดีษนี้มีรายงานในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ [๗๖] และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๗๗]

ฮะดีษ ลาฟะตา อิลลา อะลี : ฮะดีษนี้ให้หมายความว่า ไม่มีชายหนุ่มที่กล้าหาญใด นอกจากท่านอะลี (อ.) ตามแหล่งข้อมูลสายฮะดีษและทางประวัติศาสตร์ รายงานว่า ฮะดีษนี้ได้รับการรายงานโดยญิบรออีล เนื่องจากการเสียสละและความกล้าหาญของอิมามอะลี (อ.) ในสมรภูมิอุฮุด [๗๘] ฮะดีษนี้ยังได้รับการรายงานในแหล่งข้อมูลทั้งชีอะฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๗๙]

ฮะดีษเกาะซีมุลนาร วัลญันนะฮ์ : ริวายะฮ์นี้ รายงานจากศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่เขาได้แนะนำท่านอะลีในฐานะผู้แบ่งแยกสวรรค์และนรก [๘๐] ฮะดีษนี้ได้รับการรายงานในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ [๘๑] และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๘๒] ในรูปแบบต่างๆ และมีผู้รายงานต่างๆมากมาย

ฮะดีษคอศิฟุนนะอ์ล : วจนะจากศาสดา ผู้ทรงเกียรติ (ศ็อลฯ) ที่อธิบายเกี่ยวกับสถานภาพและความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) โดยที่เขาได้เรียกอิมามอะลีว่า ผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากเขากำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมรองเท้าของศาสดา (ศ็อลฯ) ในขณะนั้น [๘๓]

มีริวายะฮ์อื่นๆ รายงานจากศาสดาเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) รวมถึง : การฟันดาบของอะลีในสมรภูมิค็อนดักมีความประเสริฐกว่าการอิบาดะฮ์ของญินและมนุษย์ [๘๔]ผู้ใดก็ตามสาปแช่งอะลีเท่ากับสาปแช่งฉัน [๘๕] ผู้ใดก็ตามทำร้ายอะลีเท่ากับทำร้ายฉัน [๘๖] ด้วยความรักต่ออะลี จะทำให้รู้จักผู้ศรัทธาจากมุนาฟิก [๘๗] อะลีมาจากฉันและฉันมาจากอะลี [๘๘] การรำลึกถึงอะลี เป็นการอิบาดะฮ์ [๘๙] การมองไปยังอะลี เป็นการอิบาดะฮ์ [๙๐] นอกจากนี้ ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ยังได้เรียกสมญานามของอิมามอะลี (อ.) เช่น อัศศิดดีก อัลอักบัร [๙๑] ฟารูก อัลอะอ์ซ็อม[๙๒] และอะบูตุรอบ [๙๓] ก็ถือเป็นหนึ่งในความประเสริฐของอิมามอะลีด้วยเช่นกัน

ลักษณะพิเศษและสิทธิพิเศษอื่นๆ ของอิมามอะลี (อ.)

เหตุการณ์และสิทธิพิเศษบางประการ ที่ถือเป็นความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) มีดังนี้ :

การสมรสกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ : ความประเสริฐที่เฉพาะประการหนึ่งของอิมามอะลี (อ.) คือ การแต่งงานกับบุตรสาวของศาสดามุฮัมมัด ซึ่งกระทำโดยพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า [๙๔] มีการกล่าวกันว่า หากไม่มีอะลี (อ.) ก็จะไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ตครองของฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้ [๙๕]

เมาลูด อัลกะอ์บะฮ์ : ความหมายของ เมาลูด อัลกะอ์บะฮ์ หมายถึง เรื่องราวของอิมามอะลี (อ.) ที่ถือกำเนิดในกะอ์บะฮ์ ซึ่งถือเป็นความประเสริฐโดยเฉพาะประการหนึ่งของเขา [๙๖]

สมญานามว่า อะมีรุลมุอ์มินีน : อะมีร หมายความว่า ผู้บัญชาการ และ ผู้นำ ของบรรดามุสลิม เป็นสมญานามที่บรรดาชีอะฮ์ เชื่อว่า ถูกสงวนไว้สำหรับอิมามอะลี (อ.) ตามความเชื่อของชีอะฮ์ สมญานามนี้ถูกใช้ครั้งแรกสำหรับอะลี อิบนุ อะบีฏอลิบในยุคสมัยของศาสดามุฮัมมัด [๙๗] ซัยยิด อิบนุ ฏอวูซ มุฮัดดิษของชีอะฮ์ ในศตวรรษที่ ๗ แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช เขียนไว้ในหนังสือ อัลยะกีน บิคติศอศิ เมาลานา อะลี บิอิมเราะติลมุอ์มินีน ว่า มีการอ้างอิงจากฮะดีษ ๒๒๐ บท จากแหล่งข้อมูลของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ซึ่งถือว่า สมญานาม อะมีรุลมุอ์มินีน เป็นสมญานามอันเฉพาะของอิมามอะลี (อ.) [๙๘]

ซัดดุลอับวาบ : หมายถึง การปิดประตูทุกบาน เป็นเหตุการณ์ที่ศาสดาแห่งอิสลามได้ออกคำสั่งจากพระผู้เป็นเจ้าให้ปิดประตูทุกบานที่นำไปสู่มัสยิดอันนะบี ยกเว้น ประตูบ้านของอิมามอะลี (อ.) [๙๙]

ความเป็นพี่น้องกับศาสดา (ศ็อลฯ) : ก่อนที่จะอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮ์ ศาสดา (ศ็อลฯ) ได้สร้างความผูกพันแห่งความเป็นพี่น้องกันในหมู่ผู้อพยพ เขายังได้สร้างสายสัมพันธ์แห่งภราดรภาพระหว่างชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรในเมืองมะดีนะฮ์ และเขาได้สร้างสายสัมพันธ์แห่งภราดรภาพระหว่างเขากับอิมามอะลี (อ.) ทั้งสองครั้ง โดยเรียกท่านอะลีว่า น้องชาย [๑๐๐]

มุสลิมคนแรก: ตามความศรัทธาของชีอะฮ์และนักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์บางคน ระบุว่า อิมามอะลี (อ.) เป็นคนแรกที่มีความศรัทธาในศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [๑๐๑]

การประกาศโองการบะรออะฮ์ : ตามรายงานจากหนังสือตัฟซีร นะมูเนะฮ์ เขียนว่า บรรดานักตัฟซีรและนักประวัติศาสตร์ เกือบทั้งหมดเห็นด้วยว่า เมื่อโองการแรกของซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์ ถูกประทานลงมา ทำให้พันธสัญญาที่พวกมุชริก มีกับศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) เป็นโมฆะ ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) จึงได้มอบหมายให้ อะบูบักร์ เป็นผู้ประกาศคำสั่งนี้ เพื่ออ่านให้สาธารณชนฟังระหว่างพิธีฮัจญ์ที่มักกะฮ์เป็นครั้งแรก แต่แล้วศาสดาก็เอาคำประกาศนั้นจากเขาไปและมอบให้กับท่านอะลี (อ.) และท่านอะลี (อ.) ก็ประกาศให้ผู้คนทราบในระหว่างพิธีฮัจญ์ [๑๐๒] เหตุการณ์นี้ยังได้รับการรายงานในแหล่งข้อมูลอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ อีกด้วย [๑๐๓] การให้แหวน: ความหมายของการให้แหวน กล่าวคือ เหตุการณ์ที่อิมามอะลี (อ.) ได้มอบแหวนของเขาให้กับคนยากจน ขณะที่กำลังรุกูอ์ในนมาซ เหตุการณ์นี้ยังได้รับการรายงานในหนังสือฮะดีษของชีอะฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ [๑๐๔]

ร็อดดุชชัมซ์ : ในเหตุการณ์นี้ เมื่อศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ได้ขอพรเพื่อให้ดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังจะตกดินก็เคลื่อนที่กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ท่านอะลี (อ.) ได้นมาศอัศร์ [๑๐๕] นอกจากนี้ ตามรายงานของเชคมุฟีด ระบุว่า ในยุคสมัยของท่านอะลี (อ.) ในสมรภูมิแห่งหนึ่ง ทหารจำนวนหนึ่งไม่ได้ทำนมาซอัศร์ แต่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่กลับอีกครั้ง เนื่องจากการขอพรของท่านอะลี [๑๐๖]

การขัดขวางการเผยแพร่ความประเสริฐของอะลี (อ.)

ตามรายงานทางประวัติศาสตร์ เขียนไว้ว่า ในช่วงสมัยบะนีอุมัยยะฮ์ มุอาวียะฮ์ได้สั่งห้ามการเผยแพร่ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) : ตามที่อะลี อิบนุ มุฮัมมัด มะดาอินี นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ ๓ กล่าวไว้ว่า มุอาวียะฮ์ได้เขียนถึงตัวแทนของเขาว่า ใครก็ตามที่รายงานเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) และครอบครัวของเขา ชีวิตและทรัพย์สินของเขาไม่ถือเป็นสิ่งต้องห้าม (๑๐๗] นอกจากนี้ ยังห้ามการรายงานฮะดีษจากเขา การเอ่ยถึงเขาด้วยกิริยามารยาทที่ดี และห้ามตั้งชื่อลูกตามอะลี [๑๐๘] มุอาวียะฮ์จะสาปแช่งอิมามอะลีและกล่าวว่า: ฉันจะไม่หยุดทำสิ่งนี้จนกว่าจะไม่มีใครกล่าวถึงความประเสริฐของเขา [๑๐๙] ตามคำสั่งของเขา การสาปแช่งท่านอะลีจึงเริ่มขึ้นบนแท่นธรรมมาสน์ [๑๑๐] และดำเนินต่อไปจนถึงยุคสมัยการปกครองของอุมัร อิบนุ อับดุลอะซีส เป็นเวลาประมาณ ๖๐ปี [๑๑๑] ตามที่อัลลามะฮ์ ฮิลลี (๖๔๘-๗๒๖ฮ.ศ.) เขียนไว้ในหนังสือ กัฟฟุลยะกีน ว่า เหล่ามิตรสหายของอิมามอะลี (อ.) ไม่ได้เผยแพร่ความประเสริฐของอิมามเนื่องด้วยความกลัว และความอิจฉา ในขณะเดียวทั้งตะวันออกและตะวันตกกลับเต็มไปด้วยความประเสริฐของเขา [๑๑๒] ตามที่คำกล่าวของมุฮัมมัดญะวาด มุฆนียะฮ์ ระบุว่า พวกอุมัยยะฮ์ได้ทรมานผู้ที่รายงานเกี่ยวกับความประเสริฐหรือฮะดีษจากอิมามอะลี (อ.) พวกเขาได้สังหารบรรดาสาวกและลูกศิษย์ของอิมามอะลี (อ.) เช่น มัยษัม ตัมมา อัมร์ บิน ฮะมัก อัลคุซาอี เราะชีด ฮิจญ์รี ฮุจญ์ บิน อุดัย และกุมัยล์ บิน ซิยาด เพื่อไม่ให้ใครได้ทราบข่าวและผลงานของอิมามอะลี (อ.) ผ่านพวกเขา [๑๑๓] นอกจากนี้ ตามคำกล่าวของเชค มุฮัมมัด อะบูซุฮ์เราะฮ์ นักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ระบุว่า การปกครองบะนีอุมัยยะฮ์ได้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อการปกปิดผลงานของท่านอะลี (อ.) จำนวนมาก และด้วยเหตุนี้ ฮะดีษที่เกี่ยวกับเขาจึงถูกรายงานในแหล่งข้อมูลของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีเพียงเล็กน้อย [๑๑๔]

ซัยยิดอะลี อัชชะฮ์ริสตานี เขียนไว้ในหนังสือ มันอุตัดวีนอัลฮะดีษ ว่า นักเขียนชีอะฮ์ห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เหตุผลประการหนึ่งในการห้ามการรวบรวมฮะดีษก็เพื่อป้องกันการเผยแพร่ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) [๑๑๕] เนื่องจากฮะดีษของศาสดาเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ได้ระบุถึงความเหนือกว่าและความเหมาะสมของพวกเขาสำหรับตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ และสิ่งนี้มีความขัดแย้งกับผลประโยชน์ของการปกครองของบะนีอุมัยยะฮ์ [๑๑๖]

การปลอมแปลงความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) โดยผู้อื่น

ดังที่อิบนุ อะบีฮะดีดได้รายงานจากอะบูญะอ์ฟัร อัลอิสกาฟี นักเทววิทยามุอ์ตะซิละฮ์ ในศตวรรษที่ ๓ ฮ.ศ.มุอาวียะฮ์ได้มอบหมายให้กลุ่มเศาะฮาบะฮ์และตาบิอีนได้ปลอมแปลงฮะดีษที่ยกย่องอิมามอะลี [๑๑๗] ในจดหมายนี้ เขาขอให้ตัวแทนของเขาระบุตัวเหล่าเพื่อนของอุษมาน อิบนุ อัฟฟาน และนำพวกเขามาใกล้ชิดกับเขา และเขียนบันทึกให้เขาฟังว่า ผู้คนเหล่านี้รายงานอะไรเกี่ยวกับความประเสริฐของอุษมาน [๑๑๘] ตามที่อะลี อิบนุ มุฮัมมัด มะดาอินี นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ ๓ ฮ.ศ. กล่าวว่า ผู้คนได้รายงานฮะดีษเพื่อยกย่องอุษมาน เพื่อให้ได้รับความมั่งคั่งและการมีอำนาจ และมีรายงานอย่างมากมายเกี่ยวกับความประเสริฐของอุษมาน [๑๑๙] ดังนั้น มุอาวียะฮ์จึงเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงตัวแทนของเขาเพื่อเชิญชวนผู้คนให้รายงานเกี่ยวกับความประเสริฐของเหล่าเศาะฮาบะฮ์และเคาะลีฟะฮ์ทั้งสามท่าน จนกว่าจะไม่มีฮะดีษเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) เว้นแต่ว่า พวกเขาจะรายงานความประเสริฐของเคาะลีฟะฮ์คนแรกและเหล่าเศาะฮาบะฮ์ในลักษณะเดียวกัน หรือมิฉะนั้น พวกเขาจะขัดแย้งกับรายงานเหล่านั้น เขาถือว่า การงานนี้เป็นแหล่งที่มาของความกระจ่างชัดและเป็นวิธีการทำลายแนวทางของอะบูตุรอบ (อิมามอะลี (อ.)] และบรรดาชีอะฮ์ของเขา [๑๒๐]

การปฏิเสธความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.)

อิบนุ ตัยมียะฮ์ (๖๖๑-๗๒๘ ฮ.ศ. ) ผู้นำของสำนักคิดซะละฟียะฮ์ ถือว่า ฮะดีษบางส่วนที่รวมอยู่ในความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) เป็นการบิดเบือนหรือถูกแต่งขึ้น [๑๒๑] อิสมะอีล อิบนุ อุมัร ลูกศิษย์ของเขา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ อิบนุ กะษีร อัลดะมิชกี ( ๗๐๑-๗๗๔ ฮ.ศ.) ยังกล่าวอีกว่า ไม่มีโองการอัลกุรอานใดถูกประทานลงมาเกี่ยวกับอะลี (อ.) เพียงคนเดียว และโองการที่ถูกกล่าวถึงนั้นเกี่ยวกับอะลี (อ.) และบุคคลอื่นๆ อีกหลายคน [๑๒๒] ในความเห็นของเขา ริวายะฮ์ต่างๆในเรื่องนี้รายงานจากอิบนุ อับบาสและคนอื่นๆ นั้น ไม่น่าเชื่อถือ [๑๒๓] เขายังถือว่า สายรายงานของฮะดีษหลายบทเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลีนั้น มีความอ่อนแอ [๑๒๔]

อิบนุ ก็อยยิม อัลเญาซี (เสียชีวิตในปี ๗๕๑ ฮ.ศ.) ซึ่งเป็นศิษย์อีกคนของอิบนุ ตัยมียะฮ์ ถือว่า การเป็นอิมามของท่านอะลี (อ.) ณ เฆาะดีรคุมนั้นเป็นเรื่องแต่งขึ้น [๑๒๕] แม้ว่า อัลลามะฮ์ อะมีนี กล่าวว่า ฮะดีษเฆาะดีรได้มีการรายงานในแหล่งข้อมูลทั้งของชีอะฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ (๑๒๖) นอกจากนี้ อิบนุ ก็อยยิม อัลเญาซี (เสียชีวิตในปี ๕๙๗ ฮ.ศ.) นักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ได้อ้างถึงฮะดีษบางส่วนเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ว่า เป็นฮะดีษที่ถูกแต่งขึ้นในหนังสือของเขาชื่อ อัลเมาฎูอาต [๑๒๗]

แหล่งอ้างอิง

ความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ถูกกล่าวถึงในหนังสือฮะดีษของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ เช่น เศาะฮีห์ทั้งหก ในหมวดหมู่ที่เรียกว่า มะนากิบ และ ฟะฎออิล อะลี อิบน์ อะบีฏอลิบ [๑๒๘] นอกจากนี้ ในหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับความประเสริฐของอะฮ์ลุลบัยต์ ยังมีหมวดหมู่ที่เกี่ยวกับมะนากิบ และ ฟะฎออิล อิมามอะลี (อ.) นักวิชาการชีอะฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ยังได้เขียนหนังสืออิสระเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) อีกด้วย ออกอ บุซุรก์ เตฮ์รอนีได้แนะนำหนังสือ 15 เล่มในอัซซะรีอะฮ์ ด้วยชื่อว่า ฟะฎออิล อะมีร อัล-มุอ์มินีน (อ.) [๑๒๙] นอกจากนี้ เขายังได้แนะนำหนังสือที่มีชื่ออื่นๆ ซึ่งรวมถึงความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ด้วย ตัวอย่างเช่น นะฮ์ญุลอะดาละฮ์ ฟีย์ ฟะฎออิล อิมามอัลอับรอร เขียนโดย อับดุอะลี บิน อัลฮุเซน อัลลุบาน อันนะญะฟีย์ [๑๓๐] และ มิศบาห์ อัลอันวาร ฟีย์ ฟะฎออิล อัลอิมามอัลอับรอร เขียนโดย ฮาชิม บิน มุฮัมมัด [๑๓๑]

แหล่งอ้างอิงอะฮ์ลิสซุนนะฮ์

ฟะฎออิล อะมีรุลมุอ์มินีน เขียนโดย อะห์มัด อิบนุ ฮัมบัล อัล-ชัยบานี (เสียชีวิตในปี ๒๔๑ ฮ.ศ.) หนึ่งในผู้นำมัซฮับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ทั้งสี่ ในหนังสือเล่มนี้ มีการกล่าวถึงความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) ถึง ๓๖๙ ริวายะฮ์ [๑๓๒] ในหนังสือเล่มนี้ อิบนุ ฮัมบัล กล่าวถึงเรื่องราวของเคาะลีฟะฮ์ที่สองที่แสดงความยินดีกับอิมามอะลี (อ.) ในวันเฆาะดีร [๑๓๓]

เคาะศออิศ อะมีรุลมิมุอ์มินีน (หนังสือ) เขียนโดย อะห์มัด อิบนุ ชุอัยบ์ อันนะซาอี (เสียชีวิตในปี ๓๐๓ ฮ.ศ.) นักวิชาการด้านฮะดีษและผู้เขียนหนังสือ อัซซุนัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหกเศาะฮีห์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ หนังสือเล่มนี้เขียนเป็นภาษาอาหรับ กล่าวถึงการยอมรับอิสลามของท่านอะลี (อ.) สถานภาพของเขากับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของเขากับศาสดา (ศ็อลฯ) และสถานภาพของการเป็นสามีและลูกๆ ของเขา

มะนากิบอิมามอะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ เขียนโดย อิบนุ มาฆอซิลี (เสียชีวิตในปี ๔๘๓ ฮ.ศ.) หนังสือเล่มนี้เขียนเป็นภาษาอาหรับและกล่าวถึงความประเสริฐต่างๆ เช่น การถือเกิดในกะอ์บะฮ์ การเป็นคนแรกที่ยอมรับอิสลาม การแบกภาระของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และฮะดีษต่างๆและโองการเกี่ยวกับอะลี

ชะวาฮิดุตตันซีล เขียนโดย ฮะกิม อัลฮัสกานี (เสียชีวิตในปี ๔๙๐ ฮ.ศ.) นักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) และครอบครัวของเขา โดยอ้างอิงจากโองการในคัมภีร์อัลกุรอานที่ประทานลงมาเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ [๑๓๔]

มะนากิบ อะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ.) โดย อะห์มัด บิน มูซา อิบนุ มัรดะวียะฮ์ (เสียชีวิต ๔๑๐ ฮ.ศ.) อัลมิอ์ยาร วา อัล-มุวาซะนะฮ์ ฟีย์ ฟะฎออิล อัล-อิมาม อะมีร อัล-มุอ์มินีน อะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ.) เขียนโดย มุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ อัลอิสกาฟีย์ นักวิชาการมุอ์ตะซิละฮ์ (เสียชีวิต ๒๔๐ ฮ.ศ.) อัลเญาฮะเราะฮ์ ฟีย์ นะซับ อัล-อิมาม อะลี วะ อาลิฮ์ เขียนโดย มุฮัมมัด อิบนุ อะบีบักร์ ติลมิซานี (ศตวรรษที่ ๗ ฮ.ศ.) เญาฮะรุลมะฏอลิบ ฟีย์ มะนากิบ อัล-อิมาม อะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ เขียนโดย ชัมซุดดีน บาอูนี (เสียชีวิต ๘๗๑ ฮ.ศ.) กิฟายะตุฏ-ฏอลิบ ฟีย์ มะนากิบ อะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ (อ.) เขียนโดย มุฮัมมัด อิบนุ ยูซุฟ กันญี (เสียชีวิตปี ๖๕๘ ฮ.ศ.) มะนากิบอัลอิมามอะมีรุลมุอ์มินีน (อ.) เขียนโดย มุวัฟฟัก บิน อะห์มัด คอร็อซมี (เสียชีวิตปี ๕๖๘ ฮ.ศ.) และ มะนากิล มุรตะฎอวี เขียนโดย มีร มุฮัมมัด ศอลิห์ ติรมิซี (เสียชีวิตปี ๑๐๖๐ ฮ.ศ.) เป็นผลงานอื่นๆ ของบรรดานักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ เกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.)

แหล่งอ้างอิงของชีอะฮ์

อัลมะรอติบ ฟีย์ ฟะฎออิล อะมีรุลมุอ์มินีน หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย อะบุลกอซิม บุซตี นักวิชาการซัยดียะฮ์ จากศตวรรษที่ ๔ ของปฏิทินอิสลาม ในผลงานนี้ มีการกล่าวถึงความประเสริฐ ๔๕๐ ประการของอะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ (อ.)

ตัฟฎีล อะมีร อัลมุอ์มินีน เขียนโดยเชค มุฟีด (เสียชีวิต ๔๑๓ ฮ.ศ.) ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ซึ่งได้อ้างอิงมาจากฮะดีษของชีอะฮ์และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเหนือกว่าของอะลี (อ.) เหนือบรรดาศาสดาทุกคน ยกเว้น ศาสดาแห่งอิสลาม ผลงานนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาฟาร์ซีย์

อัรริซาละฮ์ อัลอะลาวียะฮ์ ฟีย์ ฟัฎลิ อะมีร อัลมุอ์มินีน (อ.) อะลา ซาอิริลบะรียะฮ์ ซิวา ซัยยิดินา เราะซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) หนังสือเล่มนี้เขียนเป็นภาษาอาหรับ โดยอาบุลฟัตห์ อัลกะรอจญ์กี (เสียชีวิตในปีฮิจเราะห์ที่ ๔๔๙) หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเหนือกว่าของอะลี (อ.) ตามโองการในคัมภีร์อัลกุรอาน ลักษณะเฉพาะของอิมามอะลี และคำตอบสำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับเขา

อัลยะกีน บิคติศอศิ เมาลานา อะลี อะลัยฮิซซะลาม บิอิมเราะติลมุอ์มินีน ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ ซัยยิดอิบนุฏอวูซ (เสียชีวิต ๖๖๔ ฮ.ศ.) ในหนังสือเล่มนี้ เขาอ้างอิงฮะดีษ ๒๒๐ บทจากแหล่งข้อมูลของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ และถือว่า สมญานาม อะมีรุลมุอ์มินีน เฉพาะกับท่านอะลี (อ.) ซึ่งศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้มอบให้แก่เขา

หนังสือ อุมดะตุอุยูนิศิฮาฮิลอัคบาร ฟีย์ มะนากิบ อิมามอัลอับรอร รู้จักในชื่อ อัลอุมดะฮ์ ของอิมาม ประพันธ์โดย อิบนุบัฏรีก (เสียชีวิต ๖๐๐ ฮ.ศ. ) มิอะตุมันเกาะบะฮ์ มิน มะนากิบ อะมีริลมุอ์มินีน วัลอะอิมมะฮ์ มิน วุลดิฮ์ มิน เฏาะรีก อัลอามมะฮ์ ประพันธ์โดย อิบนุ ชาซาน เฏาะรอฟ มินัลอัมบาอ์ วัลมะนากิบ ประพันธ์โดย ซัยยิดอิบนุฏอวูซ อัรเราะเฎาะฮ์ ฟีย์ ฟะฎออิล อะมีริลมุอ์มินีน ประพันธ์โดย ชาซาน บิน ญิบรออีล กุมมี กัชฟุลยะกีน ฟีย์ ฟะฎออิล อะมีริลมุอ์มินีน เขียนโดย อัลลามะฮ์ ฮิลลี และหนังสือ เกาะฎออุอะมีริลมุอ์มินีน ผลงานประพันธ์ของ มุฮัมมัดตะกี ชูชตะรี หนังสือ ฟะฏออิล อัลค็อมซะฮ์ มินัศศิฮาห์ อัซซิตตะฮ์ ประพันธ์โดย ฟีรูซอาบาดี เป็นหนึ่งในผลงานอื่น ๆ ที่บรรดานักวิชาการชีอะฮ์เขียนเกี่ยวกับความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.)

เชิงอรรถ

บรรณานุกรม